นักวิจัยเผยทฤษฎี มัลแวร์สามารถเข้าสู่ iPhone ได้ แม้อยู่ในโหมดปิดเครื่อง

2 กรกฎาคม ค.ศ. 2024 โดย
นักวิจัยเผยทฤษฎี มัลแวร์สามารถเข้าสู่ iPhone ได้ แม้อยู่ในโหมดปิดเครื่อง
Wg.Cdr.Raweewan Kittisakkul

มัลแวร์ยังคงทำงานได้ แม้ iPhone อยู่ในสถานะปิดเครื่องก็ตาม แต่นักวิจัยมองว่า ผู้ใช้งานทั่วไปไม่น่าตกเป็นเป้าโจมตี

ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์จากมหาวิทยาลัยเทคนิคดาร์มสตัดท์ ในประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า การปิดเครื่อง หรือ Shutdown อุปกรณ์สมาร์ทโฟนของผู้ใช้งาน อาจไม่ใช่สิ่งที่การันตีว่า อุปกรณ์จะไม่ถูกติดตามโดยผู้ไม่ประสงค์ดีบนโลกไซเบอร์

รายงานดังกล่าวของผู้เชี่ยวชาญ ได้เปิดเผยเป็นเอกสารทางวิชาการที่มีชื่อว่า Evil Never Sleeps: When Wireless Malware Stays On After Turning Off iPhones เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นักวิจัย อธิบายว่า ในขณะที่ iPhone ปิดเครื่องอยู่นั้น ไม่ได้หมายความว่าการทำงานส่วนอื่นๆ จะถูกปิดตัวลง โดยไมโครชิปอย่างบลูทูธก็ยังคงทำงานอยู่ตามปกติ เพื่อช่วยติดตามอุปกรณ์ชนิดอื่นๆ ที่ถูกวางอย่างผิดที่ผิดทาง พร้อมกันนี้ยังรวมถึงชิปไร้สายอย่าง NFC และ UWB อีกด้วย

สิ่งที่พอจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ชัดเจนก็คือ การทำงานของระบบปฏิบัติการ iOS 15 ซึ่งมีฟีเจอร์ที่อนุญาตให้ค้นหาตำแหน่งของ iPhone ได้แม้จะอยู่ในสถานะปิดเครื่อง

ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า ถ้าหากผู้บุกรุกมีการดัดแปลงมัลแวร์ ก็สามารถโจมตีในช่องทางนี้ได้ ซึ่งถือเป็นการคุกคามรูปแบบใหม่ได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี ทีมนักวิจัย บอกด้วยว่า การโจมตีผ่านช่องทางบลูทูธเป็นไปได้ตามทฤษฎี แต่พวกเขาไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดว่า มัลแวร์ประเภทนี้สามารถสร้างได้อย่างไร

งานวิจัยของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดาร์มสตัดท์ถือเป็นการเปิดเผยครั้งแรกๆ เกี่ยวกับการโจมตีด้วยไมโครชิปที่ทำงานในโหมดพลังงานต่ำ (Low-power mode) และยังไม่มีรายงานที่ชี้ชัดว่า มีผู้ใช้งาน iPhone ถูกโจมตีในลักษณะนี้

การค้นพบครั้งนี้ของทีมวิจัย อาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการปกป้องข้อมูลจากการใช้งานสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ทำงานการเมืองและผู้สื่อข่าว ซึ่งมีโอกาสตกเป็นเป้าของการโจรกรรมข้อมูลมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม การใช้ช่องโหว่ดังกล่าว ต้องผ่านการเจลเบรก (Jailbreak) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดเงื่อนไขการใช้งานของแอปเปิล

ทางด้านแอปเปิลไม่ได้ออกมาให้ความคิดเห็นใดๆ ต่อเรื่องนี้


ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/tech/2396077